tag:blogger.com,1999:blog-32072865911758883292024-02-20T15:32:29.069-08:00ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.comBlogger8125tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-71856505737377810972009-02-11T21:34:00.000-08:002009-02-12T00:19:41.169-08:00การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต<strong>การสืบพันธุ์ของสัตว์</strong><br /> สิ่งมีชีวิตแตกต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต คือมีสามารถในการให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตใหม่จากสิ่งมีชีวิตเดิมซึ่งเป็นสมบัติของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงพันธุ์ให้คงไว้ได้ <br /><strong>การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว </strong><br /> สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวมีการสืบพันธุ์ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ การไม่อาศัยเพศส่วนใหญ่เป็นการแบ่งเซลล์เป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน เช่น อะมีบา สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวบางชนิดสืบพันธุ์โดยการแตกหน่อ เช่น ยีสต์<br /><strong> การสืบพันธุ์ของสัตว์ </strong><br /> การสืบพันธุ์ของสัตว์มีทั้งการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศในสัตว์ที่มีโครงสร้างของร่างกายไม่ซับซ้อนและมีความสามารถในการงอกใหม่ เช่น พลานาเรีย ดาวทะเล สัตว์พวกนี้สามารถสืบพันธุ์โดยวิธีการงอกใหม่ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเกิดจากการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้หรืออสุจิกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียหรือเซลล์ไข่ซึ่งอาจเกิดภายในหรือภายนอกเพศเมียก็ได้เซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมเรียกว่า ไซโกต <br /><br /><strong> 1. การสืบพันธุ์แบบอาศัยไม่เพศ</strong><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiraOMXNHNx04YwrtYiJKFTk9laDjb4iTVTJOB6CApZpDBeDzw4Qunuo9cds0GMcqkrzgmQUb79nCA7bGr19F8lAl_Twd9nwjYskEJ5F26gLXtTGcs7yq1nypROtSzMqGRc-_yJadOU0uo/s1600-h/hydra-mature.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 266px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiraOMXNHNx04YwrtYiJKFTk9laDjb4iTVTJOB6CApZpDBeDzw4Qunuo9cds0GMcqkrzgmQUb79nCA7bGr19F8lAl_Twd9nwjYskEJ5F26gLXtTGcs7yq1nypROtSzMqGRc-_yJadOU0uo/s320/hydra-mature.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301812132099246146" /></a><br /><strong>การสืบพันธุ์</strong><br /><br /> เป็นการสืบพันธุ์แบบที่ไม่จำเป็นจะต้องมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ เพียงแต่สร้างตัวจำลองตนเอง ดดยมีคุณสมบัติและพันธุกรรมเหมือนตัวเดิมทุกประการ คือ มีการแสดงออกหรือฟีโนไทน์เหมือนเดิมและลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันทุกประการ การสืบพันธุ์แบบนี้มีหลายวิธี <br /> <strong> การสืบพันธุ์แบบไม่มีเพศ ได้แก่</strong><br /> <strong> 1.การแบ่งแยก (FISSION) </strong>เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่มีเพศของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น โพรโทซัว แบคทีเรีย ยีสต์ และสาหร่าย ระหว่างที่มีการแบ่งแยกจะมีการแบ่งสารพันธุกรรมด้วย ขบวนการนี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ<br /> <strong> 1.1 แบ่งแยกเป็นสอง (BINARY FISSION)</strong> จากหนึ่งเซลล์แบ่งได้เป็น 2 เซลล์ และ 4 เซลล์ต่อไปเรื่อยๆ<br /> <strong>1.2 การแบ่งแยกทวีคูณ (MULTIPLE FISSION)</strong> นิวเคลียส จะมีการแบ่งแบบไมโตซีสหลายครั้งได้นิวเคลียสหลายอัน แล้วจึงแบ่งไซโตพลาซึมได้เป็นหลายเซลล์จะเกิดในพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ในเชื้อมาเลเรียบางระยะและในอมีบาบางชนิดในระยะเป็นตัวหนอนของฟองน้ำและปลาดาวบางชนิด<br /> <strong>2. การแตกหน่อ (BUDDING)</strong> การสืบพันธุ์แบบนี้ หน่อเดิมจะมีการแบ่งเซลล์ได้หน่อใหม่ (BUD) เกิดขึ้นและยังติดอยู่กับหน่อเดิม มีรูปร่างเหมือนหน่อเดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า การแตกหน่อพบได้ในพืชเซลล์เดียว เช่น ยีสต์ ในพืชหลายเซลล์ เช่น มาร์เเชนเทีย (MARCHANTIA) ซึ่งเป็นพืชชั้นต่ำพวกตะไคร่ชนิดหนึ่ง (หรือเรียกลิเวอร์เวิธ) และต้นตีนตุ๊กแก ต้นตายใบเป็น ส่วนในสัตว์หลายเซลล์ ได้แก่ไฮดรา<br /> <strong> 3. การหัก (FRAGMENTATION)</strong> การสืบพันธุ์แบบนี้ชิ้นส่วนของพ่อแม่จะแยกออก แล้วเจริญเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ ได้แก่ ฟองน้ำ ดอกไม้ทะเล<br /> <strong> 4. การสร้างใหม่ (REGENERATION)</strong> การสืบพันธุ์แบบสร้างใหม่คล้าย การหัก แต่ต่างกันตรงที่การสร้างใหม่เป็นการเจริญเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ขาดหายไป เนื่องจากได้รับความเสียหายจากภายนอก วิธีนี้สิ่งมีชีวิตที่ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆแต่ละชิ้นจะสามารถงอก เป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ได้ เช่น ในชิ้นส่วนของพืชเกือบทุกชนิด ในไส้เดือนดิน ฟองน้ำไฮดรา และปลาดาว พลานาเรีย ซึ่งเป็นหนอนตัวแบนชนิดหนึ่ง เมื่อถูกตัดออกเป็นท่อนๆแต่ละท่อนจะเจริญเป็นตัวที่สมบูรณ์ได้<br /> <strong> 5. การสร้างสปอร์</strong> สปอร์จัดเป็นหน่วยสืบพันธุ์อย่างหนึ่ง ปกติสปอร์มักจะมีผนังหนา จึงทนทานต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ความแห้งแล้ง นอกจากนี้สปอร์ยังมีขนาดเล็ก เหมาะที่จะกระจายไปในอากาศ เมื่อสิ่งแวดล้อมเหมาะสมจะปล่อยสปอร์เป็นจำนวนมาก ในพวกเห็ดราบางชนิด สปอร์เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์แบบไม่มีเพศ และแบบมีเพศในพืชพวกเมทาไฟตา มีการสร้างสปอร์ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งของการสืบพันธุ์แบบสลับด้วย <br /> <strong> 2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ</strong><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5-5xEfswM9c_q_2uPzQC-HdtjXtKJRMC31wC5g0nr_ZKPrQywdck9F3rd0m6_BSJRLrPsvLZQhkSH4QgX78MhJmkrgUrI5gcFTL74rI2MTbk-J5Ah9aRJp4AqUImpJ5dUpCxO4ZMiYO8/s1600-h/sexual01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 250px; height: 158px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5-5xEfswM9c_q_2uPzQC-HdtjXtKJRMC31wC5g0nr_ZKPrQywdck9F3rd0m6_BSJRLrPsvLZQhkSH4QgX78MhJmkrgUrI5gcFTL74rI2MTbk-J5Ah9aRJp4AqUImpJ5dUpCxO4ZMiYO8/s320/sexual01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301812971451975250" /></a><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWeGG1tf-zJBZtJzAxj3kGEWmUZ_a9tYNtOOFlLD5T7rwfphY0IDUJ8jpMvyrXhl4DwkhZ8F3THl0X8XF_Q68KIjtTnfIVEHyhvIF7PNYwLjVuF53R3Dxx9_fbchwMZSCs35l2tukb1i4/s1600-h/egg01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 225px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWeGG1tf-zJBZtJzAxj3kGEWmUZ_a9tYNtOOFlLD5T7rwfphY0IDUJ8jpMvyrXhl4DwkhZ8F3THl0X8XF_Q68KIjtTnfIVEHyhvIF7PNYwLjVuF53R3Dxx9_fbchwMZSCs35l2tukb1i4/s320/egg01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301813473738417970" /></a><br /><br /> เป็นการสืบพันธุ์แบบที่ต้องมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ที่มีโครโมโซมเป็นแฮพลอยด์ (haploin)เป็นเซลล์ที่ได้มาจากการแบ่งตัวแบบไมโอซิสของเซลล์ spermatogonium(2n)หรือ oogonium(2n)การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นภายหลังที่เซลล์สืบพันธุ์มีการปฏิสนธิจากเพศตรงข้าม<br /> การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของสัตว์คือจะต้องมีการผสมระหว่างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศผู้ที่เรียกว่า ตัวอสุจิ และเซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมียที่เรียกว่า ไข่ เมื่อสัตว์โตเต็มที่และพร้อมที่จะสืบพันธุ์แล้ว เพศเมียจะสร้างไข่ และเพศผู้จะสร้างอสุจิ ไข่และตัวอสุจิของสัตวืแต่ละชนิดจะมีขนาดและจำนวนต่างๆกันไป โดยทั่วไปไข่จะมีลักษณะกลมหรือรี เคลื่อนที่ไม่ได้ และมักมีอาหารสะสมอยู่เพื่อไว้เลี้ยงตัวอ่อนที่อยู่ภายใน เช่น ไข่แดงของไข่ไก่ ไข่เป็ด นอกจากนี้ยังมีสิ่งห่อหุ้มเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นวุ้น เช่น ไข่กบ หรือมีลักษณะเป็นเยื่อเหนียว เช่น ไข่เต่าทะเล บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้ม เช่น ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่จระเข้ สำหรับตัวอสุจิจะมีขนาดเล็กกว่าไข่มาก และมักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และจะเคลื่อนที่ได้เร็วเพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่ เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิดการ ปฏิสนธิ ขึ้น ถ้าตัวอสุจิจากสัตว์เพศผู้เข้าผสมกับไข่ซึ่งยังอยู่ในตัวของสัตว์เพศเมีย เราเรียกการปฏิสนธิแบบนี้ว่า การปฏิสนธิภายใน แต่ถ้ามีการผสมระหว่างไข่และตัวอสุจิภายนอกตัวขอวสัตว์เพสเมีย เราเรียกว่า การปฏิสนธิภายใน ปัจจุบันการเลี้ยงปลากัดเป็นที่นิยมมากขึ้น <br /> <br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyTCVA8zU6qU5iyoFfZf_eSZUENARD1i8XWfAiqRA5HXTiFjC1WFp7RQzUOJxP6PLJgHRhwzCqUuLkcC5jW1721HPfd18jpL1bhLcfJNXl9lHp5ON9zBDOj3pi_H8UMuzE8aR0X2b7eXs/s1600-h/fish_01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 250px; height: 214px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhyTCVA8zU6qU5iyoFfZf_eSZUENARD1i8XWfAiqRA5HXTiFjC1WFp7RQzUOJxP6PLJgHRhwzCqUuLkcC5jW1721HPfd18jpL1bhLcfJNXl9lHp5ON9zBDOj3pi_H8UMuzE8aR0X2b7eXs/s320/fish_01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301813223198892994" /></a><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiB0wgijBWouWTThL0W9Gwkdu7HtI6TpNGYqVNBZ6NNI2rdriOoRF5x1iGAyD9Yt67HYhDMeIis2vhTqiG-yis4W_-zSY-QnOEF-MD5Y7p-RW1WoPCk6JqIHa6fHLhAS2CENQlpBdGERcs/s1600-h/spermatozoa.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 146px; height: 90px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiB0wgijBWouWTThL0W9Gwkdu7HtI6TpNGYqVNBZ6NNI2rdriOoRF5x1iGAyD9Yt67HYhDMeIis2vhTqiG-yis4W_-zSY-QnOEF-MD5Y7p-RW1WoPCk6JqIHa6fHLhAS2CENQlpBdGERcs/s320/spermatozoa.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301813709874413218" /></a><br /><br /> เมื่อปลาตัวเมียท้องโตขึ้นเรื่อยๆจนท้องแก่เต็มที่ เมื่อนำมาไว้รวมกับปลาตัวผู้ ปลาทั้งสองเพศจะไม่กัดกัน ตัวผู้จะทำหวอดไว้ตามขอบตู้ปลาและตามพืชน้ำที่ใส่ไว้ จากนั้นจะไล่รัดตัวเมีย เมื่อปลากัดตัวเมียถูกตัวผู้รัดจะปล่อยไข่ออกมา ตัวผู้จะปล่อยอสุจิออกมาด้วย จากนั้นจะคลายการรัดแล้วจึงเริ่มรัดใหม่ ดังนั้นไข่ที่ออกมาจึงออกมาเป็นชุดๆจนหมด ขณะที่ตัวเมียออกไข่แต่ละชุด ตัวผู้จะรีบเข้าไปอมไข่นำไปคายใส่ไว้ในหลอด เมื่อตัวเมียออกไข่หมดแล้ว จะสังเกตจากตัวผู้เริ่มหวงไข่ และเริ่มไล่กัดตัวเมีย ให้แยกตัวเมียออกไปเลี้ยงที่ภาชนะอื่น ไม่เช่นนั้นตัวเมียจะกินไข่หมด ตัวผู้จะเฝ้าดูแลไข่จนฟักเป็นลุกปลาตัวเล็กๆ จึงแยกตัวผู้ออก ไม่เช่นนั้นตัวผู้จะกินลูกปลาหมด <br /> การปฏิสนธิภายนอกนั้นต้องอาศัยน้ำเป็นตัวกลางให้ตัวอสุจิเคลื่อนที่เข้าไปผสมกับไข่ได้และการปฏิสนธิแบบนี้ต้องอาศัยการบังเอิญ ดังนั้นแม้ว่าปลาที่มีการปฏิสนธิภายนอกจะวางไข่จำนวนมาก แต่ก็มีไข่เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับการผสม <br />ปลาบางชนิดออกลูกเป็นตัว เช่น ปลาเข็ม ปลาหางนกยูง ปลาฉลาม ซึ่งจะเป็นการปฏิสนธิภายใน โดยปลาตัวผู้จะปล่อยอสุจิเข้าไปในร่างกายของปลาตัวเมียที่มีไข่สุกอยู่ภายในร่างกาย ตัวอสุจิจะเข้าผสมกับไข่ เมื่อไข่ได้รับการผสมแล้วจะเจริญเติบโตเป็นลูกปลาต่อไปจนครบกำหนดคลอด สัตว์ที่วางไข่บนบกทุกชนิด และสัตว์ที่ออกลุกเป็นตัวมีการปฏิสนธิภายในทั้งสิ้น หลังจากมีการปฏิสนธิสัตว์บางชนิดจะวางไข่ซึ่งมีเปลือกหุ้มไว้ในที่ที่เหมาะสม เพื่อให้ไข่ได้รับการผสมและเจริญเติบโตเป็นตัวต่อไป ส่วนสัตว์ที่ออกลุกเป็นตัว เมื่อไข่ได้รับการผสมแล้ว ก็ยังจะเจริญเติบโตอยู่ในตัวแม่ต่อไป จนถึงกำหนดคลอดจึงคลอดออกมาเป็นลุกสัตว์และเติบโตต่อไป ระยะเวลาของการเจริญเติบโตของสัตว์แต่ละชนิดจะแตกต่างกันระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-91394417838400982092009-02-11T02:22:00.000-08:002009-02-11T22:29:37.667-08:00การปฏิสนธิ (Fertilization)เป็นการรวมตัวของนิวเคสียสสเปิร์มและไข่ เมื่อเกิดการปฏิสนธิแล้วจะได้ไซดกตและไซโกตจะเจริญเติบโตต่อไป เซลล์สืบพันธุ์นี้อาจมาจากสิ่งมีชีวิตตัวเดียวหรือคนละคนก็ได้ ถ้าเซลล์สืบพันธุ์มาจากสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกัน (มักเป็นคำที่ใช้กับสัตวืที่มีรังไข่และอัณฑะสามารถสร้างได้ทั้งไข่และสเปิร์ม) เรียกสัตว์พวกนี้ว่ากระเทย หรือ Hermaphrodite กระเทยนี้มีอวัยวะสองเพศอยู่ในตัวเดียวกัน แต่อาจผสมกันไม่ได้ เพราะสุกไม่พร้อมกัน เช่น ไส้เดือนดิน หอยนางรม พลานาเรีย ไฮดรา สำหรับพยาธิตัวแบน (พยาธิตัวตืด Tepeworm) สามารถผสมพันธุ์ภายในตัวเองได้เรียกว่า Self fertilization <br /> <strong>ขบวนการปฏิสนธิ (Fertilization)แบ่งออกได้เป็นสองแบบ คือ</strong><br /> <strong>1. การปฏิสนธิภายนอก (External fertilization)</strong>มักเป็นสัตว์ที่ออกลุกเป็นไข่ ได้แก่ ปลา ปู กุ้ง หอย กบและสัตว์น้ำอื่นๆที่มีการปล่อยสเปิร์มแลบะวางไข่ในน้ำจำนวนมากเพื่อเพิ่มโอกาสให้มีการผสมของเซลล์สืบพันธุ์ทั้งสอง<br /> <strong>2. ปฏิสนธิภายใน (Internal fertilization)</strong>มักเป็นสัตว์บกโดยตัวผู้ปล่อยสเปิร์มเข้าไปในตัวเมีย ตัวผู้จะมีอวัยวะพิเศษสำหรับนำสเปิร์มจากตัวผู้ไปสู่ตัวเมียมักออกลูกเป็นตัว ได้แก่ สัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน (เอมบริโอเจริญนอกตัวแม่)สำหรับสัตว์เลี้ยงลุกด้วยนม ตัวอ่อนเจริญในตัวแม่ จึงมีโอกาสปฏิสนธิสูงแต่มีลูกน้อย<br /> เมือ่มีการหลั่งน้ำกาม (Ejaculation)ที่คลมดลูก จากอิทธิพลของ Oxytocin จะทำให้มีการบีบตัวของท่อสืบพันธุ์เพศเมีย ประกอบกับการเคลื่อนไหวของอสุจิ ทำให้ขึ้นไปรอไข่อยู่ที่ Oviduct หลังการหลั่งน้ำกามไม่เกิน 15 นาที เมื่อไข่ตกจากอิทธิพลของฮอร์โมน LH แล้วจจะมีชีวิตอยู่ประมาณ 12 ชั่วโมงเพื่อรอให้อสุจิเจาะเปลือกไข่เข้าไปเมื่ออสุจิตัวใดตัวหนึ่งเจาะเปลือกไข่เข้าไปแล้ว เปลือกไข่ (Zona pellucida)จะเกิดปฏิกิริยา (Zona reaction)ป้องกันอสุจิตัวอื่นเข้าผสมซ้ำอีก (Polysermy)<br /> ตามปกติอสุจิเมื่อถูกขับเข้าสู่อวัยวะเพศเมียอแวจะมีชีวิตอยุ่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง ยกเว้นสัตว์ปีกจะอยู่ได้ถึง 4 สัปดาห์<br /> จังหวะการผสมพันธุ์ เพื่อให้มีเปอร์เซ็นต์การผสมติดสูงจึงมีความสำคัญมาก ควรผสมตอนใกล้ๆจะหมดอาการเป็นสัด เพราะการตกไข่จะเกิดหลังจากการหมดสัด 10-14 ชั่วโมงโดยเฉลี่ยและอสูจิก็ต้องการเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงภายในอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศเมีย ในการสลัดปลอกหุ้มหัวออก (Sperm capacitation)จึงจะเจาะเปลือกไข่ได้ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-1130828427848534372009-02-11T01:44:00.000-08:002009-02-11T22:32:03.538-08:00ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องและควบคุมการสืบพันธุ์ (Hormonal Control of Animal Reproduction)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgV-ZIY3zxgZaJr-dpyISNwr-pjE9U3QXPov7KOwM2pB19s2FsEkho9GOy89L_fdjWtKronHkhzY37SFldlxds7YRxloQr0_TRrASpvpplTfkYqeAa9H7W7xOec02_zy_YdoBFSnrJk1Lw/s1600-h/gh.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 256px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgV-ZIY3zxgZaJr-dpyISNwr-pjE9U3QXPov7KOwM2pB19s2FsEkho9GOy89L_fdjWtKronHkhzY37SFldlxds7YRxloQr0_TRrASpvpplTfkYqeAa9H7W7xOec02_zy_YdoBFSnrJk1Lw/s320/gh.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301485328432948994" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhE7xaCtiNdRUE-miQ4cuzHGQr5FZ_jWOT-IvdqgJyGEV-9o0_4ktdDcWgvoEen6v2FbXrBMmLTgDpsWzx9HgPLUi114rd8EntvQLiLIUmJuZfXYO2mpykg5j9RC8fsRxPPmRbacJUTRYM/s1600-h/img11.gif"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 254px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhE7xaCtiNdRUE-miQ4cuzHGQr5FZ_jWOT-IvdqgJyGEV-9o0_4ktdDcWgvoEen6v2FbXrBMmLTgDpsWzx9HgPLUi114rd8EntvQLiLIUmJuZfXYO2mpykg5j9RC8fsRxPPmRbacJUTRYM/s320/img11.gif" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301485185315755698" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5JFZlU7gS0sCkzheslJpPAh3mYdl5x0UeHmHz7eYSu8g5wm95l3vd_nM4m-zrhOtEJYIqCb97fhQ8yebUH-vm3AP3ozyVvRc6kflstneXT6kvbV_qmvLXnOHWS-rpDVZ4eHo1QGbR38Q/s1600-h/b70.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 208px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5JFZlU7gS0sCkzheslJpPAh3mYdl5x0UeHmHz7eYSu8g5wm95l3vd_nM4m-zrhOtEJYIqCb97fhQ8yebUH-vm3AP3ozyVvRc6kflstneXT6kvbV_qmvLXnOHWS-rpDVZ4eHo1QGbR38Q/s320/b70.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301485091743564978" /></a><br />ฮอร์โมนที่มีผลต่อระบบสืบพันธุ์ ได้แก่<br /> <strong>1. FSH (Follicle stimulating hormone)</strong>ผลิตจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior pituitary gland)มีหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้ถุงไข่และไจริญเติบโต กระตุ้นให้มีการเจริญและพัฒนาของ Germ cells ไปเป็นอสุจิช่วยในการสร้าง Estrogen<br /> <strong>2. LH (Luteinzing hormone)</strong>ผลโดยตรงของมันทำให้เกิดการตกไข่ (Ovulation)และช่วยกระตุ้น Leydig cell ให้ผลผลิตฮอร์โมนเพศผู้ (Testosrone)<br /> <strong>3. Prolaction </strong> ผลิตจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าเช่นกัน มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และช่วยกระตุ้นพฤติกรรมฟักข่และเลี้ยงลูกในสัตว์ปีก<br /> <strong>4. Oxytocin</strong> เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากสมองส่วนไฮโปธาลามัส (Hypothalamus)แต่ส่งมาเก็บไว้ที่ต่อมใต้สมองส่วนหลัง (Posterior pituitary gland)ช่วยให้เกิดการหลั่งน้ำนม ทำให้มดลูกบีบตัวขณะสัตว์คลอด และยังช่วยทำให้ท่อระบบสืบพันธุ์เพศเมียมีการบีบตัวเป็นคลื่น (Persistalsis)ทำให้อสุจิถูกขับเคลื่อนขึ้นไปจนถึง Oviduct<br /> <strong>5.Estrogen</strong> สร้างมาจากเซลล์ Theca interna ของกระเปาะไข่ กระตุ้นพฤติกรรมการเป็นสัดให้เต้านมและเยื่อบุมดลูกขยายตัว และยังช่วยกระตุ้นลักษณะของเพศเมีย (Female sex characterisics)<br /> <strong>6. Progesterone</strong> สร้างจาก Corpus luteum และรก ทำหน้าที่คุ้มครองการตั้งท้อง ทำให้เต้านมและเยื่อบุมดลูกขยายตัว และยังมีผลยับยั้งการหลั่งของ FSH กับ LH<br /> <strong>7. Relaxin</strong> สร้างมาจากรังไข่และรกขณะที่สัตว์ท้องแก่ใกล้คลอดทำให้เกิดการคลายตัวของคอมดลูกและกระด฿กเชิงกราน ช่วยในการคลอด<br /> <strong>8. Testosterone </strong>สร้างจาก Leydig cells ของอัณฑะทำหน้าที่กระตุ้นลักษณะของเพศผู้(Male sex characteristics)ควบคุมความสมบรูณ์พันธุ์ของเพศผู้ ทำให้อสุจิสมบรูณ์และแข็งแรงทำให้เพศผู้อยากผสมพันธุ์ (Libido)<br /> <strong>9. GH (Growth hormone), Thyroxine และ Corticosterone</strong> สร้างจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ต่อมไทรรอยด์ (Thyroid)และต่อมหมวกไต (Adrenal)ส่วนนอก(Cortex)ตามลำดับเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของรางกาย การเผาผลาญอาหารและ metabolism ของร่างกาย ซึ่งจะมีการกระทบต่อการเป็นหนุ่มสาว (Puberty)ของสัตว์ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-54396978489344141892009-02-10T20:03:00.000-08:002009-02-11T23:21:23.057-08:00การสืบพันธุ์ของสัตว์ (Animal Reproduction)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFYY0O16Tr6Tg9Ac3rjDiaXrwDkcNcyCa9HPAuIW_ymLme-SOBh14itlkNzIUv8AEycxFIx6AE23CD8lVzzsIPEiidtIw_ya8fRcx6kH-GoWsqBGS01sUNXxu7cWwKIz5KN-lKIihHZNM/s1600-h/images.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 114px; height: 76px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFYY0O16Tr6Tg9Ac3rjDiaXrwDkcNcyCa9HPAuIW_ymLme-SOBh14itlkNzIUv8AEycxFIx6AE23CD8lVzzsIPEiidtIw_ya8fRcx6kH-GoWsqBGS01sUNXxu7cWwKIz5KN-lKIihHZNM/s320/images.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301474989728634482" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgoqZsV9_c0SpUyqDW7tdBejQf7YTL1FsjHRa4w2Gy_gRzWGvYTKI_QwatnpEjJ5VeoHN2LHNA5KlJ1uzPg-QhWWXsW6nHzBIHmemnezpUFTy0bN3OybswdWd5bEw4jOvA3EZEbBwrfwok/s1600-h/CANQTOXH.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 124px; height: 124px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgoqZsV9_c0SpUyqDW7tdBejQf7YTL1FsjHRa4w2Gy_gRzWGvYTKI_QwatnpEjJ5VeoHN2LHNA5KlJ1uzPg-QhWWXsW6nHzBIHmemnezpUFTy0bN3OybswdWd5bEw4jOvA3EZEbBwrfwok/s320/CANQTOXH.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301469837681463506" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhVRi1mrvFDh1B7rEtoH9z9P0TY_sqlJBX9vZlAbt4-VZlWiXTMujsnrKXWEhifcztbRPfHVObknHH9F43t20xwbRpwZwzpt-ex_dOfBW48Q_HZKHK7V2noeUFPQd7XDZiBudpC-6L7qeo/s1600-h/images.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 103px; height: 78px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhVRi1mrvFDh1B7rEtoH9z9P0TY_sqlJBX9vZlAbt4-VZlWiXTMujsnrKXWEhifcztbRPfHVObknHH9F43t20xwbRpwZwzpt-ex_dOfBW48Q_HZKHK7V2noeUFPQd7XDZiBudpC-6L7qeo/s320/images.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301469730196460050" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7dSrCyuz53QPLyJgolCCpXqZFHkheN9_NjmtA4uEyLp2h7nUu_WmbkL9Kq6KwaWs_dgF_WOLeQTKDPKXHpYdTWchK2ji888WcS5eMTqmBSf6d2DL2e3YdCjNekdXLfjypwPyhhCn5uAk/s1600-h/images.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 130px; height: 90px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7dSrCyuz53QPLyJgolCCpXqZFHkheN9_NjmtA4uEyLp2h7nUu_WmbkL9Kq6KwaWs_dgF_WOLeQTKDPKXHpYdTWchK2ji888WcS5eMTqmBSf6d2DL2e3YdCjNekdXLfjypwPyhhCn5uAk/s320/images.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301469210554322130" /></a><br />การสืบพันธุ์ของสัตว์เป็นพื้นฐานสำคัญต่อการผลิตสัตว์ทุกชนิด ถ้าสัตว์ไม่สามารถสืบพันธุ์ตามปกติได้จะทำความเสียหายให้กับการเลี้ยงสัตว์ข้นได้อย่างมหาศาล และส่งผลกระทบกระเทือนโดยตรงต่อเจ้าของกิจการและสังคมส่วนรวม เพราะอาหารของมนุษย์ ได้แก่ เนื้อ นม และไข่ เป็นผลโดยตรงจากการสืบพันธุ์ของสัตว์ทั้งสิ้น<br /> <strong>ความสำคัญของการสืบพันธุ์ในการผลิตสัตว์ </strong>( Relation of Animal Reproduction to Livestock Production )<br /> ในการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ และในการผลิตสัตว์เพื่อเป็นการค้า เมื่อพิจารณาอย่างกว้างๆจะพบว่าเราได้กำหนดหน้าที่ของพ่อแม่พันธุ์ไว้แล้ว กล่าวคือ<br /> ในพ่อพันธุ์ มีหน้าที่ในการผสมพันธุ์กับแม่พันธุ์ให้มีเปอร์เซ็นการผสมติดสูง และถ่ายทอดลักษณะทางกรรมพันธุ์ (Genetic traits)ที่ดีลงไปให้ลูกโดยผ่านทางอสุจิ เพื่อให้ลูกที่เกิดมาสมบรูณ์แข็งแรง ให้ผลผลิตสูงตามเผ่าพันธุ์ของพ่อ<br /> ส่วนทางแม่ มีหน้าที่คล้ายคลึงกับพ่อพันธุ์ นั่นคือ การอุ้มท้อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ดีผ่านทางไข่ไปสู่ลูก นอกจากนี้ แม่พันธุ์จะต้องออกลูกดกในกรณีของสัตว์ที่ออกลูกเป็นครอก เช่น สุกร หรือให้ไข่ดกในกรณีของสัตว์ปีก และให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ เช่น ในโค-กระบือควรจะให้ลูกปีละ 1 ตัว ไก่ปีละ 200 ตัว หรือสุกรปีละ 20ตัว<br /> จากหน้าที่ของพ่อแม่พันธุ์ดังกล่าวข้างต้น เราจะพบว่าการสืบพันธุ์ของสัตว์จึงเกื่ยวข้องกับ<br /> 1.การออกไข่<br /> 2.การคลอดลูกให้มีชีวิตรอดและสมบูรณ์แข็งแรง<br /> 3.การให้นม<br /> ซึ่งก็เป็นผลมาจากการสืบพันธุ์ทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าการสืบพันธุ์ของสัตว์ไม่สมบรูณ์หรือเกิดปัญหาขึ้น ย่อมจะทำให้กระทบกระเทือนโดยตรงต่อกำไลและขาดทุนของฟาร์ม และยังส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงผลทางเศษฐกิจของประเทศชาติโดยส่วนรวมด้วย หรือในทางตรงกันข้าม ถ้าเราสามารถยกระดับการสืบพันธุ์ของสัตว์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นก็จะส่งผลดีกลับมาได้เช่นกัน <br /> <strong>อวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์เพศผู้ (Male Reproductive Organs)</strong><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjO1dS6U2mwlkf6tayci3K3BWdwkjabxTI-WO8a6Wv-ro4M4EkqPkQn-Q9P7fCNjztxs5JkkNQZJsZWK_9Y9iVjaOCKp0WMbm2CzcVhwRyhqKuDWHwGHFEOYO792pRNSN2CC11tMkJdYQ4/s1600-h/images.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 124px; height: 115px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjO1dS6U2mwlkf6tayci3K3BWdwkjabxTI-WO8a6Wv-ro4M4EkqPkQn-Q9P7fCNjztxs5JkkNQZJsZWK_9Y9iVjaOCKp0WMbm2CzcVhwRyhqKuDWHwGHFEOYO792pRNSN2CC11tMkJdYQ4/s320/images.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301465152375843026" /></a><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjzwe41lR9PqPxbMKDGuc8wjq3tUyQFUqAuK-osDcXo-rkR42p5FXvDONCeGUVOFTncn6pZ6P2_Kd5SoPLHxH07thzX4ev-3KuR4tMmPz2ypaxhOLfh7ye414hEdAE7zLiE6PN03bQ4zis/s1600-h/pc513.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 251px; height: 212px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjzwe41lR9PqPxbMKDGuc8wjq3tUyQFUqAuK-osDcXo-rkR42p5FXvDONCeGUVOFTncn6pZ6P2_Kd5SoPLHxH07thzX4ev-3KuR4tMmPz2ypaxhOLfh7ye414hEdAE7zLiE6PN03bQ4zis/s320/pc513.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301806454094372754" /></a><br /><br /> อวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์เพศผู้ มีหน้าที่ในการสร้างอสุจิที่สมบรูณ์พันธุ์(Fertility)สร้างสารละลายที่ช่วยหล่อเลี้ยงตัวอสุจิและป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ช่วยนำส่งอสุจิออกสู่ภายนอกร่างกาย ผสมพันธุ์และขับฉีดน้ำเชื้อ(Semen)ที่มีตัวอสุจิอยู่เข้าไปยังจุดรองรับการผสมพันธุ์ในร่างกายของสัตว์เพศเมีย นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างฮอร์โมนเพศผู้(Androgen)ด้วย<br /> <strong>ส่วนประกอบที่สำคัญของอวัยวเพศผู้</strong><br /> <strong> 1.อัณฑะ(testis หรือ testes)</strong>ลักษณะรูปร่างกลมค่อนข้างรีในสัตว์ทั่วไป และคล้ายเมล็ดถั่ว หรือไต (Kidney shape)ในสัตว์ปีกมีอยู่เป็นคู่ ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมโดยทั่วไปจะห้อยอยู่ภายในถุงหุ้มอัณฑะ (Scrotum)นอกร่วกาย เพื่อประโยชน์ต่อการปรับอุณหภูมิร่างกายประมาณ 2-3 องศาเซลเซส ทำให้กระบวนการสร้างอสุจิ(Spermatogenesis)เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีท่อเชื่อม(Spermatic cord)กับอวัยวะภายในผ่านยทางช่องท้อง(Inguinalcanal)ส่วนในสัตว์ปีกและช้าง อัณฑะจะอยู่ในช่องท้อง ไม่ออกมาข้างนอก อาการผิดปกติของอัณฑะเรียกว่า อัณพะทองแดง(Cryptochid)เป็นอาการที่อัณฑะไม่เคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในถุงหุ้มอัณฑะ(Scrotum)ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม จะทำให้เป็นหมันได้<br /> ภายในอัณฑธจะพบองค์ประกอบที่แตกต่างกันอยู 2 ชนิด คือ<br /> <strong> ก.ท่อเซมินิเฟอรัส(Seminiferous tubules)</strong>มีลักษณะเป็นท่อเล็กๆขดไปมาภายในอัณฑะเต็มไปหมด<br /> <strong>ข.เลยิกเซลล์(Interstial cells หรือ Leydig cells)</strong>เป็นกลุ่มเซลล์ที่แทรกอยู่ระหว่างท่อ Seminiferous turbules มีอยู่ประมาณ 10% ของเซลล์ทั้งหมด<br /> <strong>ส่วนประกอบภายในอัณฑะ</strong><br /> <strong>1. หลอดสร้างอสุจิ (Seminiferous tubules)</strong>เป็นท่อเล็กๆซึ่งแตละข้างของอัณฑะมีประมาณพันหลอด ทำหน้าที่สร้างอสุจิออกมาตามท่อที่เรียกว่า Rete testes เข้าสู่หลอดเก็บอสุจิ(Epididymis)<br /> <strong>2. เซลล์อินเตอร์สติเชียล (Interstitial cells of leydig)</strong> เซลล์ที่แทรกอยู่ระหว่างหลอดสร้างอสุจิทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนเพศ tesosterone <br /> <strong>3. หลอดเก็บอสุจิ (Epididymis)</strong>เมื่ออสุจิถูกสร้างจากหลอดสร้างอสุจิแล้วจะถูกส่งไปเก็บไว้ในหลอดเก็บอสูจิ อสุจิจะเจริญเต็มที่ในหลอดนี้ใช้เวลา 1 เดือน หลอดนี้จะติดต่อกับท่อนำอสุจิ (Ves deferens)<br /> <strong> 2. ท่อนำอสุจิ ท่อปัสสาวะ และลึงค์ (Ves deferens, Urethra, Prenis)</strong>มีหน้าที่ร่วมกันในการส่งทีมีอสุจิอยู่ออกสู่ภายนอกร่างกาย ท่อนำอสุจิ (Ves deferens) เป็นท่อคู่เชื่อมระหว่างท่อเก็บอสุจิ (Epididymis)กับท่อปัสสาวะ (Urethra)ท่อนำส่งอสุจิจะขยายตัวเป็นกระเปาะ (Ampulla)บริเวณกระดูกเชิงกราน ที่กระเปาะนี้จะเป็นที่พักของตัวอสุจิ มีการผลิตอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงอสุจิด้วย กระเปาะของท่อทั้ง 2 ข้าง <br /> <strong> 3. ต่อมน้ำกาม </strong> <br /> <strong>ก. ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิอสุจิ (Seminal vesicles)</strong>มี 2 ต่อม ทำหน้าที่สร้างอาหารและน้ำเลี้ยงให้แก่อสุจิ ต่อมนี้สร้างอสุจิหรือ Semen (ประกอบด้วยตัวอสุจิและของเหลว)ประมาณ 80%ของซีเมน ของเหลวต่อมนี้ได้แก่<br /> - น้ำเลี้ยงอสุจิ (Seminal fluid)มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน<br /> - อาหารของอสุจิ ซึ่งรวมอยุ่กับน้ำเลียงอสุจิ ประกอบด้วย วิตามินซี ฟรุกโตส และโปรตีน ประเภทโกลบูลิน ดังนั้นตัวอสุจิจะได้อาหารจากขบวนการเมแทโบลิซึมของอาหารดังกล่าว<br /> <strong>ข. ต่อมลูกหมาก (Prostate gland)</strong> เป็นต่อม 1 ต่อม ที่อยุ่ล้อมรอบท่อฉีดอสุจิและตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทำหน้าที่ส้รางสารที่มีลักษณะคล้ายน้ำนมชนิดด่างอ่อนเพื่อทำลายฤทธิ์กรดปัสาวะหรือในช่องคลอดของผู้หญิงต่อมสร้างนี้สารออกมาประมาณ 15-20% ของน้ำอสุจิ ต่อมน้ำจะเพิ่มขนาดขึ้นตามวัย ทำให้โตกดท่อปัสสาวะ ถ่ายปัสสาวะไม่สะดวกต้องผ่าตัดต่อมออก<br /> <strong> ค. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper's gland หรือ Bulbo-Urethral gland)</strong>อยู่ใต้ต่อมลูกหมากลงไป เป็นกระเปาะเล็กๆทำหน้าที่สร้างสารหล่อลื่นท่อปัสสาวะในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ ต่อมนี้สร้างสรน้อยมากในการหลั่งน้ำอสุจิ (มีทั้งน้ำเลี้ยงอสุจิ (Seminal fluid)และตัวอสุจิรวมกันเรียกว่า น้ำอสุจิ หรือ Semen) ครั้งหนึ่งประมาณ 3 มล. จำนวนตัวอสุจิของชายปกติจะมีประมาณ 300-500 ล้านตัว ฉะนั้นผู้ที่มีจำนวนน้ำอสุจิต่ำกว่า 30 ล้านตัวต่อ ลบ.ซม. หรือ มีอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติมากอาจจะมีลูกได้ยาก อสุจิปกติจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและมีอายุประมาณ 48 ชั่วโมงเมื่อเข้าไปในมดลูกหรือท่อนำไข่ การปฏิสนธิเกิดในบริเวณส่วนต้นของท่อนำไข่ (Oviduct)<br /> <strong> 4. ท่อนำอสุจิ (Vasdeferens)</strong> อยู่ต่อจากหลอดเก็บอสุจิ ทำหน้าที่นำอสุจิให้ผ่าน PENS และออกจากร่างกายทางการต่อเชื่อมระหว่างอัณฑะกับท่อนี้ ถ้าเป็นท่อจาก Semniferous tubule ไปเก็บที่หลอดเก็บอสุจิเรียกว่า Vas efferens <br /> <strong>5. องคชาต(Penis)</strong>เป็นท่อกลวง และมีเนื้อเยื่อที่สามารถที่สามารถทำให้แข็งตัวได้ (Erectile tissue)เมือ่มีเลือดส่งเข้าไปคั่งอยู่ภายใน ซึ่งท่อปัสสวะและอสุจิจะออกทางท่อปัสสาวะ (Urethra)<br /> การหลั่งน้ำอสุจิเป็นรีแฟลกซ์รับสัญญาณจากรีเซฟเตอร์ที่ gland penis ส่งไปยังสันหลังและมีคำสั่งตามประสาทพาราซิมพาเธติกทำให้กล้ามเนื้อท่ออสุจิหดตัว อสุจิออกมาพร้อมน้ำอสุจิ (SEMEN)ที่ประกอบด้วยอสุจิ น้ำเลี้ยงจากต่อมลูกหมาก ต่อม Cowper และจากต่อม Seminal vesicle<br /> อวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์เพศเมีย (Female Reproductive Organs)<br /> อวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์เพศเมียมuหน้าที่สร้างไข่ไว้รอบรับการผสมจากอสุจิ สร้างจากอาหารไว้หล่อเลี้ยงตัวอ่อน รองรับการผสมพันธุ์จากเพศผู้ นอกจากนี้ยังผลิตฮอร์โมนเพศเมีย(Estrogen) <br /> <strong> ส่วนประกอบที่สำคัญของอวัยวะสืบพันธุ์เพศเมีย</strong><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhTXS5Zqg_7ZKcRANOZkTZTqrhgivQfxPnvc6eaWHjPXA7UC0C-dA9oaHx7Xc6eO_XwdHttzQpR8tPyiuTMqrgIKnrr-Il1E8qr9pbEFq84qKednjyYpKSexW4ioGHZa0AaXtf64Lyb3Cs/s1600-h/y1p6lhT_E1zpZ7_4V7RDSQ7QRYF0SNRgyWClTpbh8yf0DyybPPPrJHFDYu5AVvFMD6LQeIi594pz7U.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 127px; height: 89px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhTXS5Zqg_7ZKcRANOZkTZTqrhgivQfxPnvc6eaWHjPXA7UC0C-dA9oaHx7Xc6eO_XwdHttzQpR8tPyiuTMqrgIKnrr-Il1E8qr9pbEFq84qKednjyYpKSexW4ioGHZa0AaXtf64Lyb3Cs/s320/y1p6lhT_E1zpZ7_4V7RDSQ7QRYF0SNRgyWClTpbh8yf0DyybPPPrJHFDYu5AVvFMD6LQeIi594pz7U.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301467650929743362" /></a><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9jWVAcP-LZAQ4NlIhGS_icMucEjcp-KCAQdswCfcSowNkNwyFEl3-gzsAh1WLrfzENibK1kRblX7osqaUy-wLWD6ka0zizVtYPZpJexvraEEPHFERrYeCnBvNXkBJgLGJ1uVv3o-OD-s/s1600-h/pc611.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 225px; height: 212px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9jWVAcP-LZAQ4NlIhGS_icMucEjcp-KCAQdswCfcSowNkNwyFEl3-gzsAh1WLrfzENibK1kRblX7osqaUy-wLWD6ka0zizVtYPZpJexvraEEPHFERrYeCnBvNXkBJgLGJ1uVv3o-OD-s/s320/pc611.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301807441627575794" /></a><br /><br /> <strong> ส่วนประกอบที่สำคัญของเพศเมีย</strong><br /> <strong>1. รังไข่(Ovary)</strong>ตั้งอยู่ภายในช่องท้องเป็นคู่ซ้ายขวาอยู่บริเวณเหนือมดลูก รังไข่ประกอบด้วยกระเปาะไข่ (Follies)ภายในไข่(Voum)เมื่อเกิดการตกไข่ (Ovulation)กระเปาะไข่จะฉีกออกให้ไข่ตกออกมาสู่ท่อทางเดินของอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศเมีย ส่วนรอยแผลฉีกขาดนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็น Corpusb Iuteum(CL)ซึ่งจะทำหน้าที่ผลิต Progesterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะช่วยทำหน้าที่คุ้มครองการตั้งท้อง CL มีเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้น<br /> <strong> 2.ท่อสืบพันธุ์อวัยวะเพศเมีย</strong><br /> <strong> ก. ปากแตร(Infundiblum)</strong>มีลักษณะ เป็นกรวยคล้ายปากแตร มีหน้าที่รองรับไข่ที่ตกออกมาจากรังไข่เมื่อเกิดการตกไข่<br /> <strong> ข. ท่อนำไข่ (Oviduct)</strong>เป็นท่อที่ต่อกับ Infundibulum ทำหน้าที่ให้ไข่ตกมาผ่านไปและเป็นจุดที่เกิดการปฏิสนธิ (Fertilizฟtion)ระหว่างไข่กับอสูจิ <br /> <strong> ค. มดลูก (Uterus)</strong> แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนปีกมดลูก (Uterine horn)เป็นที่ฝังตัวของลูกอ่อน ในกรณีที่สัตว์ออกลูกเป็นครอก เช่น สุกร หรือโค-กระบือ แม้ว่าจะออกลูกคราวละ 1-2 ตัว อีกส่วนหนึ่ง คือ ตัวมดลูก (Uterine body)เป็นที่ฝั่งตัวของลูกอ่อนเช่นกัน เช่น คน แต่คนในปีกมดลูกจะมีขนาดค่อนข้างเล็กและสั้นไม่ค่อยสำคัญในการตั้งท้อง <br /> <strong>ง. คอมดลูก (Cervix</strong>)หรือปากมดลูก เป็นกล้ามเนื้อแข้งแรง เมื่อสัตว์เกิดการตั้งท้องจะเกิดมีสารเหนียว (Muscous of pregnancy plug)มาอุดตันไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทำลายการตั้งท้อง<br /> จ. ช่องคลอด (Vagina)มีลักษณะเป็นกระบอกกลวงที่หุบแฟบ มีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกอยู่ค่อนข้างหนาแน่น เซลล์เหล่านี้จะช่วยผลิตน้ำเมือกหล่อลื่น<br /> <strong> ฉ. ปากช่องคลอด (Vulva)</strong>ประกอบด้วยแคมใน (Labia minora)แคมนอก(Labia majiora) เม็ดละมุดหรือปุ่มกระสัน (Clitoris)ซึ่งเป็นที่ตั้งของต่อมบาโธลีน (Bartholin's glands)ซึ่งมีอยู่เป็นคู่ จะหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาปล่อยที่ผิวของแคมใน ทำให้ปากช่องคลอดและแคมในเปียกชื้นอยู่เสมอ เม็ดละมุน (Clitoris)ตั้งอยู่บนรอยต่อของแคมในกับ Vulva เป็นศูนย์รวมของประสาทสัมผัสในการผสมพันธุ์<br /> <strong> การเจริญของไข่ในรังไข่</strong><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQ2ewMA_tKpW4RffJjUpU4SNzhjN4wSmvLiyEIKtJfVU1DzFSHX1Pc3GL_71d_01w1mrtZpFlQHOit6Xh9IzkQcXp-6QxhdlA4WT-hGItfG9sWqn8TqJF0qilrsicnRaguwEKKJz3sHdI/s1600-h/blasto2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 242px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQ2ewMA_tKpW4RffJjUpU4SNzhjN4wSmvLiyEIKtJfVU1DzFSHX1Pc3GL_71d_01w1mrtZpFlQHOit6Xh9IzkQcXp-6QxhdlA4WT-hGItfG9sWqn8TqJF0qilrsicnRaguwEKKJz3sHdI/s320/blasto2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301468381433700338" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2WiWKSx85HgXKKUkU5aqxw483y5gR0JsOHmHmf72f03BuIaxZfhPj6NIJkQeuHD3C61ORiPTQX-wVmebuz2Ds9SjHW6DRAPADalu14k6mASkZPq-9MewHHVzMYM2kYLED-j_MNUgAX4M/s1600-h/y1p6lhT_E1zpZ7_4V7RDSQ7QRYF0SNRgyWClTpbh8yf0DyybPPPrJHFDYu5AVvFMD6LQeIi594pz7U.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 127px; height: 89px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2WiWKSx85HgXKKUkU5aqxw483y5gR0JsOHmHmf72f03BuIaxZfhPj6NIJkQeuHD3C61ORiPTQX-wVmebuz2Ds9SjHW6DRAPADalu14k6mASkZPq-9MewHHVzMYM2kYLED-j_MNUgAX4M/s320/y1p6lhT_E1zpZ7_4V7RDSQ7QRYF0SNRgyWClTpbh8yf0DyybPPPrJHFDYu5AVvFMD6LQeIi594pz7U.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5301468279548840802" /></a><br /><br /> บริเวณผิวชั้นนอกของรังไข่ (Cortex)จะมีฟองไข่(Oocyte) อยู่เป็นจำนวนมาก และมีจำนวนที่แน่นอนตั้งแต่สัตว์แรกเกิด แต่ยังไม่มีการเจริญพัฒนาขึ้น ต่อเมื่อสัตว์ถึงวัยสาว อิทธิพลของฮอร์โมน FSH(Follicle stimulating hormone)<br />จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior pituitary gland)จะเหนี่ยวนำให้ไข่เกิดเจริญพัฒนาไปตามลำดับ คือ จาก Primary follicle ซึ่งเป็นถุงที่ห่อหุ้มไข่อยู่และเป็นเวลล์ชั้นเดียว จะไปเป็น Secondary follicle ซึ่งมีเซลล์ล้อมหลายชั้น จนกลายเป็น Tertiary follicles ที่มีเซลล์หลายชั้นและเริ่มสะสมน้ำ ขณะที่ไข่ซึ่งอยู่ภายในยังมีการพัฒนาอย่างช้าๆจนสุดท้ายได้เป็น Matrue follice จะได้ช่องว่างภายในเรียกว่า Antrum สำหรับตัว Follicle จะมีเซลล์บุ 2ชั้น ชั้นนอกเรียกว่า Theca externa ส่วนชั้นในเรียกว่า Theca interna ซึ่งเวลล์ชั้นในนี้จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศเมีย (Estrogen)ซึ่งจะส่งผลให้สัตว์แสดงออกการเป็นสัตว์ออกมา และEstrogen จะขึ้นสู่ระดับสูงสุดเมือ่เป็น Mature follicle ฮอร์โมน Estrogen ที่ผลิตขึ้นได้นี้จะบรรจุในช่องว่าง Antrun นั่นเอง เมื่อ Estrogen ขึ้นสูงสุดจะมีการเจริญพัฒนาของไข่จนแก่ตัวเต็มที่จะใช้เวลาเพียง 3 วัน หลังจากนั้น ฮอร์โมน LH (Luteinizing hormone)จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าเช่นกันจะกระตุ้นให้ผนังของ Follice ฉีกขาด ไข่อยู่ภายใน (Ovum)ซึ่งมีเปลือกหุ้ม 2 ชั้น คือ ชั้นในเรียกว่า Vitelline membrane และชั้นนอกเรียกว่า Zona pellucida ก็จะตกออกมา แล้วตกลงยังปากแตร (Infundiblum)ที่รองรับอยู่ เซลล์ที่เหลือของ Follicle ซึ่งเป็น Granulosa cell ก็จะพัฒนาตัวเองไปเป็น Corpus Iuteum ต่อไประบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-72531931302362305692009-01-27T00:01:00.000-08:002009-01-27T00:10:23.246-08:00test01การลิงค์เพื่อไปเว็บอื่น<br /><br />กรุณาดาวโหลดไฟล์<span style="color: rgb(255,204,0);"><a href="http;//www.freewebs.com/somrit/bubbles.jpg"target="_blank">bubbles.jpg</a></span>ลงในคอมพิวเตอร์ของคุณระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-6170706471077997242009-01-06T03:01:00.000-08:002009-02-11T02:59:50.784-08:00สารคดีกำเนิดสัตว์อัศจรรย์ ตอนที่ 1<object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ESQSW8AuE1Y&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/ESQSW8AuE1Y&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-61864199894288555512009-01-06T02:22:00.000-08:002009-02-10T20:59:16.777-08:00สารคดีกำเนิดสัตว์อัศจรรย์ ตอนที่ 2<object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/RZVSPjxNgPY&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/RZVSPjxNgPY&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3207286591175888329.post-78889707897100726512008-12-24T00:33:00.000-08:002008-12-24T03:10:58.626-08:00ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์<div align="center"><br /></div><div align="center"><span style="font-size:85%;"><span style="font-size:100%;"><strong>ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์</strong><br /></span></span><span style="font-size:78%;">สัตว์มีการสืบพันธุ์ 2 แบบ คือ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ</span></div><div align="left"><span style="font-size:78%;"><strong> การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ</strong> เป็นการสืบพันธุ์ที่มีการรวมกันของอสุจิและเซลล์ไข่ แบ่งออกเป็น 2 วิธี</span></div><div align="left"><span style="font-size:78%;"> - <strong>การปฏิสนธิภายในร่างกาย</strong> ได้แก่ คน แมว สุนัข ช้าง เป็ด ไก่ นก สัตว์ที่ออกลูกเป็นตัว สัตว์ที่วางไข่บนบกทุกชนิด และปลาบางชนิด</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgMcKyha2BIZlLtxpSFG5HDIzrmJBukjo7Goqp1E7bq50OPAZK80MCCnmfC5nR_qxn3c3u7q7Z5v4hejmGk9EvFGuzxXckGFkXxw8MiaJFdW9lnr42J1PHLPYVaMCJINVSTD823YKI8WB4/s1600-h/ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์+3.jpg"><span style="font-size:78%;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5283281112821010002" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 128px; CURSOR: hand; HEIGHT: 165px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgMcKyha2BIZlLtxpSFG5HDIzrmJBukjo7Goqp1E7bq50OPAZK80MCCnmfC5nR_qxn3c3u7q7Z5v4hejmGk9EvFGuzxXckGFkXxw8MiaJFdW9lnr42J1PHLPYVaMCJINVSTD823YKI8WB4/s320/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C+3.jpg" border="0" /></span></a></div><span style="font-size:78%;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5283308659296726242" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 126px; CURSOR: hand; HEIGHT: 169px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj07Z2boRvJCpeVYXjob3OeNZjYwHZUc-SU1nYoHnYlUBh1CcUY6VZbSFNml1TOj0lm5RHTae3UvZ_iLSJlzsqGEqcVje-_rSIRktztOjYoPqisKjyOBT6GXQ4ywq597aJNn9STbUcnKcc/s320/11.jpg" border="0" /></span> <p align="left"><span style="font-size:180%;"><strong><span style="font-size:85%;"></span><span style="font-size:78%;"> การปฏิสนธิในร่างกาย </span></strong></span><span style="font-size:78%;"><strong>การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย</strong><br /> - <strong>การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย</strong> ได้แก่ ปลาต่าง ๆ ม้าน้ำ กบ คางคกและอึ่งอ่างและสัตว์ที่วางไข่ในน้ำทุกชนิด<br /></span><span style="font-size:78%;"> การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ พบการสืบพันธุ์แบบนี้ในสัตว์ชั้นต่ำ มีหลายวิธี<br /> -<strong> การแตกหน่อ</strong> เป็นวิธีการที่สัตว์สร้างเนื้อเยื่อข้างลำตัวให้งอกออกมาแล้วเจริญเติบโตไปเป็นตัวเล็กๆ มีอวัยวะเหมือนตัวแม่หลังจากที่ติดอยู่ข้าง ตัวแม่ระยะหนึ่งก็จะหลุดออกจากตัวแม่ พบการสืบพันธุ์แบบนี้ใน</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiG6tF-J7XmF-E5rpfs5sR_MSuLTgUtEcJi0id0El9rpgMho35Vp9euuT7PzKRO2aF7j7oDq3cE-n98jMEDx0AVgnRCK_1U5IFbwFlWOvyjjhjXuX0iz9__ETgHrovXUUINWS2aeLYJBSE/s1600-h/ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์+2.jpg"><span style="font-size:78%;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5283278568570545810" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 116px; CURSOR: hand; HEIGHT: 153px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiG6tF-J7XmF-E5rpfs5sR_MSuLTgUtEcJi0id0El9rpgMho35Vp9euuT7PzKRO2aF7j7oDq3cE-n98jMEDx0AVgnRCK_1U5IFbwFlWOvyjjhjXuX0iz9__ETgHrovXUUINWS2aeLYJBSE/s320/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C+2.jpg" border="0" /></span></a><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5283274851094174258" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 118px; CURSOR: hand; HEIGHT: 155px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhriMLmGgun61KIOo5mMyjmxKlpfG_BsUIzbk-BYFtaVsTUEUtDvss02UgkaNMs3MFivD-VM8e4BOtkGtgrnXyXUKYHJpB6wxBqyfqGLOMiIH3EXvKfYCFmVOqA9_GbTPQdLoL7cIYHrMQ/s320/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C.jpg" border="0" /></p><span style="font-size:78%;"><strong> การแบ่งตัวของยูกลีนา </strong><strong>การแบ่งตัวของพารามีเซียม</strong><br /> - <strong>การแบ่งตัวออกเป็นสอง</strong> เป็นการสืบพันธุ์โดยมีการแบ่งนิวเคลียสแลไซโตพลาสซึมออกเป็น 2 ส่วน การแบ่งตัวแบบนี้พบในสัตว์เซลล์เดียว เช่น อะมีบา ยูกลีนา พารามีเซียม<br /><br /></span>ระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ 1http://www.blogger.com/profile/15818152017818284233noreply@blogger.com0